วิกฤตของทีมเฟอร์รารี่ ม้าลำพองที่ดูเหมือนจะขี้เซามากไปหน่อย

หากจะกล่าวถึงวงการแข่งรถสูตรหนึ่งแล้วละก็ ชื่อทีมหนึ่งที่จะต้องผุดขึ้นมาในหัวของแฟนกีฬาจรวดทางเรียบคงจะเป็นชื่อของเฟอร์รารี่อย่างแน่นอน นั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นเป็นหนึ่งในค่ายยักษ์ใหญ่ของวงการ และสร้างผลงานอยู่ระดับแถวหน้าของโลกมาตลอด ปีแล้วปีเล่าที่เราจะได้เห็นนักขับของพวกเขาไล่บี้คู่แข่งราวกับม้าลำพองอันเป็นตราสัญลักษณ์อันน่าเกรงขามของพวกเขา

แต่เมื่อย้อนกลับมามองดูผลงานของเฟอร์รารี่ในปัจจุบันแล้วละก็ ตอนนี้พวกเขากลับดูเหมือนม้าขี้เซาที่หลับไม่ยอมตื่นขึ้นมาวิ่งเสียที เพราะนับจากนักแข่งในสังกัดของพวกเขาคือ คิมี ไรโคเน่นคว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาได้สำเร็จเมื่อปี 2007 จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึง 12 ปีแล้วที่พวกเขาไม่เคยกลับไปสู่จุดนั้นได้สำเร็จอีกเลย แถมดูเหมือนมันจะเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งปีเป็นอย่างน้อยอีกด้วยเพราะในฤดูกาล 2020 นี้ผลงานของนักขับของพวกเขาก็ยังคงย่ำแย่อยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะในสนามล่าสุดพวกเขาถูกทิ้งห่างจนไม่สามารถเข้าไปอยู่ในสิบอันดับแรกเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันไม่ใช่วิสัยของค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่างเฟอร์รารี่เลย

ซึ่งความล้มเหลวของทีมม้าลำพองนั้นหลายฝ่ายมองว่าปัจจัยหลักก็คือการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาดของทีมงานเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะส่วนอื่น ๆ อย่างเช่นการปรับลดการใช้เครื่องยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันลงนั้นถึงแม้ว่ามันจะมีผลอย่างมากสำหรับสมรรถนะของรถ แต่แน่นอนว่าค่ายอื่น ๆ ก็ย่อมต้องเผชิญปัญหานี้เช่นเดียวกัน เพราะมันเป็นกติกาการแข่งขันที่ทุกทีมจะต้องทำตามอยู่แล้วนั่นเอง

และหากดูจากที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ชัดว่าทางทีมงานของเฟอร์รารี่นั้นพยายามอย่างมากที่จะพาทีมกลับมายืนบนจุดสูงสุดของพวกเขาอีกครั้ง ที่เห็นได้ชัดคือการดึงตัวนักขับระดับแชมป์โลกเข้ามาเพื่อหวังจะใช้นักขับเก่ง ๆ เหล่านั้นพาทีมกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการดึงเฟอร์นันโด อลอนโซ่ที่ได้แชมป์สองสมัยกับเรย์โนลด์เข้ามาแต่พอ อลอนโซ่เข้ามาแล้วเจอดาวรุ่งอย่างเซบาสเตียน เวทเทลปาดหน้าเป็นแชมป์โลกถึงสี่สมัย พวกเขาก็หันไปหาเวทเทลเข้ามาแทนอีก แต่เวทเทลเองก็ไม่สามารถตอบโจทย์ให้กับพวกเขาได้ เพราะดันเข้าสู่ยุคทองของลูอิส แฮมิลตันพอดี และกลยุทธ์ดึงแชมป์มามันคงใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะการจะพรากแฮมิลตันมาจากเมอร์ซิเดสคงเป็นเรื่องลำบากกว่าที่ผ่านมา

นอกจากแฟน ๆ ที่ตั้งตารอให้ม้าตัวนี้กลับม้าลำพองได้เหมือนที่เคยแล้ว คนที่เดือดร้อนมากกว่าคงจะเป็นทีมงานของเฟอร์รารี่เองนั่นแหละ ที่จะต้องรับมือกับแรงกดดันมหาศาลในการที่ปล่อยให้ยักษ์อย่างเฟอร์รารี่ร้างจากความสำเร็จไปนานขนาดนี้ และเชื่อว่าพวกเขาคงจะกำลังทำทุกวิถีทางที่จะกลับมาเป็นแชมป์โลกอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่ายังคงหาทางที่เป็นคำตอบที่แท้จริงของปัญหานี้ไม่ได้เท่านั้นเอง